เฮ่อ... ไม่ได้ระบายความคิดออกมาเป็นตัวอักษรนานมากๆแล้ว
จำได้ว่าครั้งสุดท้ายนี่นี่จะราวๆเมษาที่ผ่านมา
จนเมื่อคืน(30ธค) ถึงได้มาเปิดดู บล็อก ของพี่นัท (http://www.zerothman.com/)
เลยได้มาอ่านเรื่องที่ว่ากันเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง(เพราะมันช่วงเลือกตั้งนี่)
หลังจากเข้าไปอ่านของพี่นัทแล้วเลยได้ไปอ่านของคนอื่นๆอีกหลายคนทั้ง พี่ก้อน(Commentยาวเหยียดมากก็อ่านหมด) พี่พอ ข้าวตู (ด่าได้อย่างเผ็ดมันมาก)
วันนี้เลยตัดสินใจให้เวลาตัวเองไม่ไปอ่าน Calculus III มาเล่าบ้าง (หมดช่วงเลือกตั้งไปยังหว่า?)
ปล.(ปฐมลิขิต) พยายามจะไม่ใช้คำภาษาอังกฤษนะ ถ้าเกิดว่าคำภาษาไทยมันให้การแปลความที่ดีไม่ได้ก็จะใช้บ้าง ตามแต่สมควร (ก็เราเป็นคนไทยนะ) เรื่องนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่เวลาอ่าน Blog ของคนอื่นๆแล้วรู้สึกขัดอารมณ์ยังไงชอบกล เพราะว่าบางทีก็รู้สึกว่าคำภาษาไทยก็สามารถใช้ได้ง่ายพอๆกัน (บางคำอาจจะสั้นกว่าด้วย) แล้วจะใช้ภาษาอังกฤษซึ่งมันทำให้บทความไม่ลื่นไหลกันเพื่ออะไร (หรือคนอื่นไม่รู้สึก ถ้ายังงั้นก็ขอโทษทีแล้วกัน) เพิ่งเห็นว่าตัวเองก็ใช้ไปแล้วเหมือนกัน เหอะๆ (หัวเรื่องก็เป็นภาษาอังกฤษซะแล้ว)
เอาล่ะสิ เริ่มมาก็เหน็บแนมคนอื่นซะแล้ว เข้าเรื่องซักทีดีกว่า
(เนื้อหาต่อจากนี้เป็นความคิดของผมแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น จะเห็นด้วยหรือไม่อย่างไรก็ของน้อมรับด้วยความยินดี)
หลังจากที่(คิดว่า)อ่านมาบล็อกคนอื่นเรื่องการเมืองเยอะพอควร แล้วก็มีความคิดผุดขึ้นมาได้ว่า แล้วการปกครองแบบไหนล่ะที่เหมาะกับสังคมของประเทศไทย?
จริงๆการปกครองก็มีตั้งหลายระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์(สะกดผิดก็ขอโทษที) สังคมนิยม แผด็จการ ฟาสซิสม์ ประชาธิปไตย ลูกผสม ฯลฯ (อีกมากมายที่เราๆท่านๆยังคิดกันไม่ออก คิดไม่ออกว่ามันเป็นไปได้รึเปล่าที่จะมีการปกครองแบบนี้)
แล้วทำไมต้องเป็นประชาธิปไตยด้วย ประชาธิปไตยมีดีตรงไหน? แล้วมันดีสำหรับประเทศของเรา สังคมของเรา ที่สุดแล้วหรือ?
เมื่อสมัยปฏิรูปการปกครอง พ.ศ.2475 จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็น ประชาธิปไตย คนส่วนใหญ่ในสมัยนั้น (ผมว่าให้ตายก็เกิน 95%) ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าประชาธิปไตยจริงๆคืออะไร สิ่งที่เค้ารู้อาจจะเป็นแค่ว่า เออ! ถ้าเป็นประชาธิปไตยแล้วเรามีสิทธิออกเสียง มีสิทธิที่จะเป็นคนเลือกคนที่จะมาเป็นผู้นำเรา ซึ่งในสมัยก่อน ผมคิดว่าคนที่เป็นชาวบ้าน ชาวสวน ชาวนา ยังไม่ได้รู้เรื่องอะไรที่ไกลไปกว่าบ้านตัวเองเลยด้วยซ้ำ (ผมว่าสมัยนี้ก็เหมือนกัน แค่อาจจะดีกว่านิดนึง เพราะว่าการสื่อสารมันไปได้เร็วกว่าเก่า) พอเอาจริงๆ ไอ้ผู้นำที่ถูกเลือกมา(หรือปฏิวัติมา)มันก็เผด็จการกลายๆละวะ(หรือคุณคิดว่าไม่จริง) หรือไม่อย่างนั้นก็นำพาประเทศไทยลอยแพไปไหนก็ไม่รู้ แล้วยังกระแดะมาบอกว่า ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย จะขำตาย! เอาเถอะ ถึงอย่างนั้นอดีตที่ผ่านมามันก็ผ่านไปแล้ว ที่ทำได้ก็แค่ให้มันเป็นบทเรียน แต่ก็ไม่เคยจะเห็นเอาบทเรียนนี้มาใช้ซักที ผ่านไปกี่ปีๆก็เป็นเหมือนเดิม
มาเข้าเรื่องถึงปัจจุบัน คน(พรรค)ที่เสียงส่วนใหญ่ของประเทศเลือกมานั้น จริงๆแล้วมันเป็นคนดีรึเปล่า มันจะไม่โกงกินเหรอ สิ่งนั้นผมว่าให้ตายยังไงมันก็ต้องโกงกันวันยันค่ำ (ถึงจะเกิดมาอีก10ชาติมันก็ยังโกงกันอยู่ เชื่อไหมล่ะ) เรียกได้ว่าความอยากมีอยากได้มันกินคุณธรรมของมนุษย์ไปแล้วว่างั้นเหอะ เพราะ ยังไงมนุษย์มันก็อยากสบายไปวันๆมากกว่า (ผมๆหรือคุณๆก็ต้องเคยคิดอย่างนั้นบ้างแหละ หรือว่าไม่จริง) ที่จะมานั่งคิดว่าอนาคตข้างหน้าของโลก(หรือประเทศ) มันจะเป็นอย่างไร แล้วเราควรจะทำอย่างไรเพื่อให้โลก(หรือประเทศ)มันพัฒนาต่อไปในทางที่ดีขึ้น หรือถึงอย่างน้อยที่สุด คนมันก็ยังเป็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ของส่วนรวม
แต่เพราะว่าคนที่มาเข้าคูหากาๆๆๆ ก็เป็นประชาชนตาดำๆที่มีการศึกษาไม่เกินป.6 (ไปๆมาๆก็เข้าเรื่องการศึกษาอีกแล้ว)แถมวันๆนึงต้องเอาหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ไม่มีวันที่จะได้มาศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้แม้แต่เสี้ยววินาที (แต่พอมีคนเอาเงินมาให้กลับหยุดทำงานมารับเงินแฮะ) คน(พรรค)ที่พวกคุณๆตาดำๆทั้งหลายเลือกมามันถึงได้โกงเอาๆ แล้วคุณก็ยังไม่รู้ว่ามันเอาเงินของชาติ (ซึ่งก็คือเงินของพวกคุณทั้งนั้น) ไปหมุดไม่รู้กี่มือต่อกี่มือ พวกคุณก็ได้แต่รู้เพียงว่า กูรวยขึ้น! ฐานะดีขึ้น! เมียก็สวยขึ้น! (มีเงินไปซื้อเครื่องสำอางราคาแพง) อะไรๆในชีวิตก็ดีขึ้น แต่คุณก็ไม่ได้มองไกลออกไปว่า ในส่วนรวมแล้วมันดีขึ้นจริงมั้ย (ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าดูส่วนรวมแบบผิวเผินมันก็เหมือนจะดีขึ้นจริง)
ปัญหามันเลยกลับมาอยู่ที่ว่า ประชาธิปไตยมันดีจริงหรือ? เพราะว่าพอเป็นประชาธิปไตยมันก็ทำกันซะแบบนี้? ถ้าหากมองในอีกมุม แล้วถ้าเป็นระบอบการปกครองอื่นมันจะดีกว่านี้รึเปล่า คำตอบก็คือมันก็ไม่แตกต่างจากเดิม อาจจะหนักกว่าเก่าด้วย(ในบางด้าน) และอาจจะดีกว่า(ในบางส่วน)(ยังไม่อธิบายในนี้เดี๋ยวจะยาวเกิน ถ้ามีอาจจะอยู่ในภาค2) แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ดีกว่าจนมีนัยว่าโดยรวมแล้วดีกว่า เพราะหากมองให้ลึกลงไปกว่านั้น ผู้ที่ใช้ระบอบการปกครองก็คือมนุษย์ ต่อให้ระบบการปกครองนั้นมันเจ๋งแค่ไหนก็ตาม ถ้าคนมันจะเลวจริงแล้วยังไงก็เอาไม่อยู่
สรุปก็คือคนที่คิดระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย(ซักคนแหละ สมัยกรีกมั้ง) ก็คือต้องการให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบเมืองของตัวเอง (สมัยนั้นเป็นเมือง ยังไม่ได้เป็นประเทศ) ตัดสินใจร่วมกัน มีปัญหาอะไรก็คิดร่วมกันแล้วก็มาออกเสียงเลือกวิธีที่ดีที่สุด (เสียงส่วนน้อยก็ต้องยอมรับ เป็นกฎหลักของประชาธิปไตยอยู่แล้ว) แต่สมัยนี้มันไม่ใช่ เมืองแต่ละเมืองไม่ได้มีคนเป็นหลักร้อยหลักพันเหมือนเมื่อก่อน ก็เลยต้องปรับ กลายมาเป็นประชาธิปไตยแบบที่เห็นกันอยู่ทุกๆวันนี้ ซึ่งผมก็คิดว่าไม่เวิร์คเอาเสียเลย เพราะคนที่ไปเลือกตั้งก็ไม่รับผิดชอบเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตน (อยากรวย) ส่วนไอ้คนที่ถูกเลือกมาก็นั่งๆนอนๆคิดหาวิธีโกงวิธีกินโน่นกินนี่ (อาจจะทำอะไรนิดหน่อยให้คนอื่นจับได้) สรุปก็คือเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่า แล้วทำไมคนดีๆคนที่มีจินสำนึกมันไม่มาบริหารประเทศกัน เพราะมันก็เห็นๆกันอยู่ ว่าไอ้คนที่มันมาบริหารประเทศมันเป็นซะอย่างงี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าคนเหล่านี้คิดอะไรอยู่ แล้วคุณคิดว่าคนอย่างผมจะบริหารประเทศได้มั้ยละ คน 65 ล้านคนอยู่ในกำมือผม (ถึงจะเป็นประชาธิปไตยก็เหอะ เอาเข้าจริงมันก็เป็นอย่างงี้) ดูอย่างอเมริกาก็เป็นตัวอย่าง คราวที่จะบุกอิรัก (คราวอัฟกานิสถานนี้ก็คงแค้นจริง) คนในประเทศค้านกันจะเป็นจะตายเอาเข้าจริงประธานาธบดีก็เกลี้ยกล่อม (หรือทำอะไรก็ตามแต่) ไม่นานก็กระโจนไปบุกอิรักซะงั้นทั้งที่ตอนหลังก็ไม่พบนิวเคลียร์อย่างที่อ้างซะอีก (แล้วอย่างงี้จะเอาอะไรมาอ้างอีกมั้ย) แต่หลายๆประเทศก็ทำเป็นหลิ่วตาตาม เพราะแค่ว่ามันเป็นอเมริกา (จริงๆก็ไม่’แค่’หรอก) ดังนั้นอย่างที่เห็นๆ ขนาดประเทศที่โคตรจะประชาธิปไตย (ดูจากภายนอกนะ) แถมยังมี 3 ขั้วอำนาจ (ประธานาธิบดี ตุลาการ รัฐสภา รึเปล่า? ถ้าผิดก็ขออภัย) ที่มาคานกันเอง ยังเอาไม่อยู่เลย แล้วจะมาหวังอะไรกับประชาธิปไตยในประเทศอื่นๆที่แค่เห็นแล้วก็รู้ว่ายังไม่ดีเท่า
ด้วยเหตุนี้ผมจึงคิดว่า ถ้าหากให้คอมพิวเตอร์เป็นสิ่งที่มีอำนาจในการควบคุมประเทศล่ะ จะเป็นยังไง? (ขำๆละกัน)
ผมว่ามีความเป็นไปได้ในเชิงอัลกอริทึมของคอมพิวเตอร์ ก็คล้ายๆกับโปรแกรมเล่นหมากรุกน่ะแหละ แค่ว่ามีตัวแปรด้านต่างๆมากกว่ามาก ซึ่งก็คงไม่เกินความสามารถของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่จะเป็นปัญหาใหญ่เลยก็คือ หากคอมพิวเตอร์ตัดสินใจมาแล้วว่าจะต้องดำเนินการอย่างนั้นอย่างนี้(จากการคำนวณความเป็นไปได้หลายล้านๆทาง) คนจะยอมทำตามรึเปล่า คนคงคิดว่า มึงเป็นแค่คอมพิวเตอร์บังอาจมาสั่งกูเหรอ (เอาเข้าจริงทุกวันนี้เราก็ต้องทำตามคำสั่งเครื่องคอมฯอยู่ร่ำไป หรือว่าไม่จริง? พอเราทำผิดหน่อยเครื่องมันก็ด่าเราแล้ว) ซึ่งคงเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่รับไม่ได้แน่นอน หรืออาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวยอมรับนานมาก ต่อไป ถึงจะทำใจยอมรับได้แล้ว แต่ว่ามนุษย์ก็เป็นผู้สร้างคอมพิวเตอร์อยู่ดี ถึงจะมีการป้องการการเจาะเข้าระบบ 150 ชั้นก็เถอะ ถึงจะฆ่าคนที่คิดระบบป้องกันก็เถอะ (ป้องกันการรั่วไหลของระบบป้องกัน) ถึงอย่างนั้นก็คงจะมีคนเจาะเข้าไปได้อยู่ดี สรุปว่าเป็นวิธีที่ไม่เวิร์ค (ฮา) (ถึงอย่างนั้นก็ยังดูมีความเป็นไปได้อยู่พอสมควรในอนาคต)
มาถึงตรงนี้แล้วหลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วมันเกี่ยวกับ Vista Sidebar ตรงไหน? จะว่าเกี่ยวมันก็ไม่เชิง เพียงแต่จะเอามาเปรียบเทียบกันมากกว่า คือ Vista Sidebar ของเครื่องผมเนี่ย มันเป็นอะไรที่ค้าง (แฮงก์) ได้บ่อยเอามากๆ แต่ก็ผมยังใช้อยู่ ทั้งที่ถ้าไม่ใช้มันก็คงไม่ทำให้ชีวิตยุ่งยากขึ้นเท่าไหร่ (แต่ก็ใช้) ก็เหมือนการปกครองบ้านเรา แฮงก์กันบ่อย แต่ก็ยังทนใช้ ยอมรับกันอยู่ ไม่รู้ทำไม
ถึงตอนที่จะเลือกตั้ง(หรือครั้งก่อนหน้านี้ก็รับ/ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ) ผมก็อยู่ส่วนน้อยตลอด แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ได้ไปใช้สิทธิของการเป็นผลเมืองไทยคนหนึ่งอย่างครบถ้วน ซึ่งการที่ผมอยู่ข้างที่เสียงน้อยกว่าผมก็ยอมรับและไม่ได้รู้สึกเคียดแค้นแต่อย่างใด(ผิดหวังก็คงเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว) แต่ผมก็คิดอยู่ลึกๆว่า คนที่เป็นเสียงส่วนใหญ่นั้นก่อนที่เค้าจะเลือกอย่างนั้น เค้าได้ศึกษามาก่อนอย่างที่ผมศึกษารึเปล่า ถึงได้เลือกไป หรือแค่ว่าดูป้ายโฆษณาใหญ่ๆบนถนน เห็นของพรรคไหนน่าสนใจก็เลือกพรรคนั้นรึเปล่า (เรื่องของการโฆษณานี่พี่นัทได้เล่าไปแล้ว ไปตามหาอ่านดูได้) ซึ่งเรื่องของการเลือกใครซักคน(พรรค)มาบริหารประเทศนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่แค่กาๆไป เสร็จแล้วกูก็รอเงินเดือนขึ้น(อีกรอบ) ก็จบ หรือเพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีความรับผิดชอบในการเลือกครั้งนั้นของตัวเอง (พี่นัทเคยเขียนไว้ในบล็อก) พอคนๆนั้นทำล้มเหลวก็ด่าเอาๆ (ไม่ยอมช่วยกันรับผิดชอบ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนเลือกเขาเข้ามาบริหารแท้ๆ) หรือพอเค้าเอาเงินมาให้หน่อยก็กลายเป็นหมาได้ เพ็ดดีกรี กระดิกหางกันใหญ่ เมื่อไหร่คนเหล่านี้ถึงจะคิดได้ซักที
สรุป(สุดท้ายแล้ว) การปกครองระบอบไหนก็ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือมนุษย์ทุกผู้ที่อยู่ภายใต้ระบอบการปกครองนั้นมากกว่า คุณจะใช้ระบอบการปกครองไหนก็ได้ ถ้าหากคนที่อยู่ภายใต้การปกครองนั้นยังเป็น มนุษย์ ไม่ใช่ คน
สุดท้ายที่อยากจะบอกก็คือ ตอนที่เค้าคิดการปกครองระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาน่ะ คนที่คิดมันก็มีไม่กี่คนหรอก ไม่เห็นจะประชาธิปไตยตรงไหน(ฮา)
ขอขอบคุณทุกคนที่อุตส่าห์อ่านมาถึงตรงนี้ได้ (ถึงจะข้ามๆก็เถอะ) ขอบคุณมากครับ
ปล.1 เหี้ยมาก พิมพ์มา 3 หน้า สรุปอยู่ 2 บรรทัด...
ปล.2 ขอบคุณบทความในบล็อกของบุคคลต่อไปนี้ พี่ก้อน พี่นัท พี่พอ อิ๊ก ป่าน ข้าวตู รวมถึงบุคคลซึ่ง Comment ในบล็อกเหล่านี้ทุกๆคน ที่เป็นข้อมูลให้บทความเรื่องนี้ของผม
ปล.3 อยากให้มันฮาแบบบล็อกของพี่ก้อนมั่งจัง คราวหลังจะพยายามมากกว่านี้
ปล.4 หมดเวลาอ่าน Calculus III ไปอีกครึ่งวัน เฮ่อ...
ปล.5 รู้สึกว่ายังดีไม่พอยังไงก็ไม่รู้ (อ่านของคนอื่นแล้วรู้สึกว่าดีกว่าของตัวเอง)